วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ธรรมชาติมอบความเหนือมาให้เรา เพื่อ...?

ตลอดการเดินทางของหนทางชีวิต...
มีความยาวไกล มีความท้าทาย มีความหลากหลายมากมาย ให้เราพบเจอ...
เป็นธรรมดาของชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับความสุข ความทุกข์ อุปสรรค ความราบรื่น สมหวัง ผิดหวัง
ไม่มีชีวิตใดที่มีมิติเดียว มีเส้นทางเดินที่ราบเรียบตลอดเวลา
เพราะธรรมดาโลกผสมผสานความหลากหลายเข้ามาให้กับชีวิตทุกชีวิตบนโลกนี้
เพื่ออะไร...???
เพื่อให้เราต่อสู้ ดิ้นรน หรืือ เพื่อให้เราท้อแท้ สิ้นหวัง
เพื่อให้เราพยายามทุกทางที่จะอัพเลเวลให้ดีขึ้น สูงขึ้น เจริญขึ้น 
หรือเพื่อให้เราดำเนินชีวิตไปตามยถากรรม จนสุดท้ายก็มอดไหม้ไปโดยสูญเวลาเปล่าในชาติหนึ่ง

เราผู้ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐ

มีสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ 
นั่นคือ "สติปัญญา"

แล้ว สติปัญญา ที่ว่านี้ ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้เราเพื่ออะไร?


สิ่งมีชีวิตประเภทอื่น มีเพียงสัญชาตญาณ

แต่แม้พวกเขาจะมีแค่สัญชาตญาณ แต่เขาก็ยังพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตอยู่รอด
แม้พวกเขาเองจะไม่มีสติปัญญาหยั่งรู้เลยว่า เขาจะต้องพยายามทุกทางให้อยู่รอดเพื่ออะไร?
จุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิตของพวกเราคืออะไร พวกเขาก็ยังไม่มี
แต่เขาก็ยังพยายามทุกทางเพื่อให้ตัวเขา และครอบครัวของเขา อยู่รอด ปลอดภัย
ปกป้อง ดูแล เลี้ยงดู รักษา ทั้งตัวเขาเอง และครอบครัว เพื่อนพ้อง ที่เขารัก ให้ อยู่รอด ปลอดภัย

แต่เรา ในฐานะที่มีสิ่งเหนือกว่าเขา เหนือกว่าสัญชาตญาณ 

นั่นคือ สติปัญญา
เราควรใช้สิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เรามา อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งต่อตนเอง คนที่เรารัก ครอบครัว เพื่อนพ้อง และสรรพสัตว์อื่นๆที่อยู่รอบตัวเรา

พยายามปกป้อง ดูแล เลี้ยงดู รักษา ต่อสู้ ดิ้นรน 

เพื่อความอยู่รอด

และต้องอยู่รอดทั้งตนเอง คนที่รัก ครอบครัว เพื่อนพ้อง และสรรพสัตว์อื่นๆรอบตัวด้วย

ไม่ใช่นำสติปัญญาที่มีอยู่เหนือกว่าสัตว์โลกประเภทอื่นๆในทางที่ผิด
ด้วยการคิดหาวิธีทางอยู่รอด แค่ "ตัวเอง" ไม่สนใจผู้อื่น
เพราะนั่นจะทำให้คุณดูน่าอายกว่าสรรพสัตว์ประเภทอื่น
ที่แม้มีสิ่งที่เหนือกว่า กลับเอาชีวิตรอดได้แค่ตัวเอง แต่ทำลายผู้อื่นรอบตัวไปหมด...
หนำซ้ำทางรอดที่คิดว่ารอด แท้จริงแล้วก็แค่หนี...
หนีจากทุกข์หนึ่ง ไปเจอทุกข์หนึ่ง 

และจบท้ายด้วยวาระสุดท้ายของชาติภพ
ที่ไม่จบด้วยกฎแห่งกรรม
ดำดิ่งสู่วังวนของทุกข์แล้วทุกข์เล่า
แล้วพลัดกลับคืืนสู่หลุมดำที่ตกต่ำกว่าภูมิต่ำสุด
ที่ได้เบียดเบียนไว้เมื่อครั้งเป็นสัตว์ประเสริฐ...

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

เพื่อน(ม่าย)เข้าจายยยยย???


อันเพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนเกลือดีมีน้อยด้อยราคา
ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล

คนเราทุกคน เกิดมา... ย่อมต้องมีเพื่อน
ไม่มีใครสามารถอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ได้
(เว้นเสียแต่จะหนีไปอยู่คนเดียวในป่า 555+)
แม้ใครหลายคนจะออกตัวว่า "ชั้นเป็นพวกอินดี้ ชอบอยู่คนเดียว"
แต่อะไรหลายอย่างบนโลกนี้้เอย กิจกรรมทั้งหลายทั้งแล
ก็ล้วนเกิดมาเพื่อบังคับให้พวกมนุษย์เราๆทั้งหลาย "ต้องมีปฏิสัมพันธกับคนอื่นๆเสมอๆ"
ยังไงก็หนีไม่พ้น การต้องมีเพื่อน อ่านะ...

เคยฟังสุภาษิตไหมล่ะ???
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
(ส่วนว่าคนพาล กับ บัณฑิต คือยังไง ก็ลองเสิร์ชอ่านในพี่ Goo ก็ละกันนะฮะ ^^)

เพื่อนอ่ะ... เขามีไว้ เพื่อให้เรารู้สึกอุ่นใจ 
ว่าไม่ได้เดินอยู่ตัวเดียวลำพังบนโลกใบนี้
มีไว้เพื่อให้เป็นคนที่ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราก็ตาม
เขาก็จะเป็นคนที่ อยู่เคียงข้างเรา อย่าง "เข้าใจ" ไม่ใช่ "เข้าข้าง"

(((((เข้าเรื่องได้สักที วะฮ่ะฮ่าาาา)))))

บางทีอ่าเน๊าะ คนเรา (โดยเฉพาะผู้หญิง) ก็มักจะมีเรื่องดราม่าให้จิตใจว้าวุ่นได้ทุกวี่ทุกวัน
เวลาดราม่า เราก็มักจะไป เม้าท์ เอ้ย!! ระบายกะเพื่อนอ่ะเน๊าะ

....ซึ่งเพื่อนก็มีหลายแบบงัย....
เวลาเราดราม่าใส่เพื่อนชะมะ

เพื่อนบางคนก็พูดจา ออกความเห็นแบบ เข้าข้างเรา ม๊ากมากก....
อะไรๆก็อวยเราตลอด
อะไรๆเราก็ไม่เคยผิด อีโน่น อีนั่น ผิดตลอด
อะไรๆเราก็ดีแสนดี ทำอะไรก็ถู๊กถูก++++

เพื่อนบางคนก็พูดจาขัดหูขัดหางเราตล๊อดตลอดดดด
ไม่ว่าเราจะคิด พูด ทำ อาร๊ายยยย
มันก็ขัดเราตลอดอ่ะ
พูดจาตัดกำลังใจ บั่นทอนจิตใจตลอด
เราทำอาร๊าย ก้อม่ายดี ม่ายถูก 
ใส่อารายก็ม่ายสวย บลาๆๆๆ

เพื่อนบางคนก็เป็นทั้งสายอวย และสายขัดด ในตัวคนเดียว

โอ้ย!!!! มีหลายรูปแบบอ่ะ บรรดาคุณเพื่อนทั้งหลาย...

ทีนี้...มันก็อยู่ที่สภาพความแข็งแกร่ง อึด ถึก ทน ของใจเราอ่านะ
ว่าจะสตรองมากแค่ไหน????

สารรูปของเพื่อนที่คุณมี มันก็เป็นไปตามสภาพใจของคุณนั่นแหละ!!!!
อยู่ที่คุณจะเลืือกตัดสินใจ ว่าอยากได้เพื่อนแบบไหน

อยากได้เพื่อนสาย "เข้าใจ" หรือ "เข้าข้าง"
ก็ต้องดีไซน์สภาพใจของคุณให้สตรองตามนั้น...

แต่ที่ชัวร์อ่ะนะ...
คุณต้องมีสติ และเหตุผล ให้มากพอ
เวลาที่ไปดราม่ากะเพื่อน แล้วเกิดความรู้สึกว่า
เพื่อนไม่เข้าใจ

ต้องถามตัวเองอย่างมีสติให้ดีว่า ที่เรารู้สึกไม่พอใจ รู้สึกว่าเพื่อนไม่เข้าใจ

เป็นเพราะ...

"เพื่อนคนนั้น ไม่เข้าใจเราจริงๆ"

หรืือเป็นเพราะ...

"เพื่อนคนนั้นไม่เข้าข้างเรากันแน่"

ต้องแยกให้ออกน้าาาาา
เพราะเข้าข้าง กับ เข้าใจ มันคนละคำ คนละความหมาย คนละทัศนคติเลย 

และถ้าคุณชอบมีเพื่อนแบบไหน... ชีวิตคุณก็จะเป็นแบบนั้นน้า

อยู่ที่คุณจะเลือก อยากได้แบบไหน ก็ดีไซน์สภาพใจให้รองรับแบบนั้นได้

อยู่ที่คุณจริงๆ

??????


ส่วนเราอ่ะเหรออออ...
รู้สึกดีกับเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาในชีวิต และยังอยู่ในชีวิตเราจนถึงทุกวันนี้

เราเลือกแล้วตั้งแต่ต้นว่า...
อยากได้เพื่อนแบบไหนเข้ามาในชีวิต
ที่สามารถเป็นเพืื่อนเล่นได้ และเป็นเพื่อนแท้ได้
สร้างสีสันให้ชีวิต ชี้ถูกชี้ผิด เป็นกัลยาณมิตร และต้นบุญต้นแบบให้เราได้

เมื่อเลือกได้ ก็ต้องฝึกฝนสภาพใจให้รองรับสภาพเพื่อนตามที่เลือกให้ได้
ใจต้องสตรองระดับนึง (ภาษาพระเรียกว่า จิตใจผ่องใส เป็นสัมมาทิฐิ) 
จึงจะดึงดูดเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรเข้ามาสู่ชีวิตได้

หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
คนที่ใช่ ก็จะเข้ามาในเวลาที่เหมาะสม และอยู่กับเราอย่างคงทน ถาวร
ส่วนคนที่ไม่ใช่ เข้ามาไม่นาน ก็ถึงคราวต้องพรากจากกันไปเอง...

I love my best friends in my life ^^







วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

Get real! Quit imagining things.

Get real!  Quit imagining things. 

ทุกความสัมพันธ์ที่ดำเนินเดินไป ไม่ว่ารูปแบบไหน...
จะยั่งยืน ถาวร มั่นคง เพียงใด...
เราเรียนรู้กันมาเยอะ สำหรับ "สิ่งที่ต้องมี" แล้วจะช่วยให้ความสัมพันธ์ไปรอด
แต่ปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ "สิ่งที่ไม่ควรมี" ในความสัมพันธ์ 
เพราะหากเอาสิ่งที่ไม่ควรมี สลับไปทำหน้าที่แทน สิ่งที่ต้องมี 
ความสัมพันธ์นั้น ก็คงพังทลายลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว...


"อย่าคิดเองเออเอง"



















(ภาษาวัยรุ่น = มโน)
ใช้กับตัวเองคนเดียว ก็แย่แล้ว
วันๆ เหมือนหลอกตัวเองให้หลงอยู่ในโลกเสมือนที่สร้างขึ้นมาลมๆแล้งๆ
หลอกตัวเองไปวันๆ ไม่ออกมาเผชิญกับโลกของความเป็นจริง
สุดท้ายก็อยู่ในสังคมได้อย่างไม่มีความสุข หรืออาจจะต้องหนีเข้าป่าไปอยู่กับลิง...

ยิ่งนำมาใช้ในความสัมพันธ์ที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น
มันคงจะไม่ดีแน่... 
ไม่ดีอย่างไร? ลองตรึกตรองดูเอาเองก็แล้วกัน...

หลอกตัวเองไปวันๆ ยังไม่พอ
ยังเห็นแก่ตัว เอาสิ่งที่ตัวเองคิด (เองเออเอง) ไปครอบทับความคิด ทัศนคติผู้อื่น...
ไม่ได้ให้เกียรติ ในการศึกษาเขา ที่เขาเป็นเขา 
เอาความคิดเองเออเองของตัวเอง ไปตัดสินความคิดคนอื่น ว่าต้องเป็นแบบที่ตัวเองคิด โดยไม่ถามเขา

หลายความสัมพันธ์... 
สั่นคลอนหวั่นไหว เพราะการคิดเองเออเอง คิดว่าเข้าต้องเข้าใจเรา ต้องรู้ใจเรา ทั้งที่ความจริง ไม่มีใครเป็นแบบนั้นได้ แม้แต่ตัวเราเอง บางทียังไม่รู้ใจตัวเอง สับสนในความต้องการของตัวเองก็ยังมี

หลายความสัมพันธ์...
มีสิ่งคับข้องใจสงสัย แต่เลือกที่จะ ไม่เปิดใจคุยกัน เลือกที่จะคิดเองเออเอง

หลายความสัมพันธ์...
ไม่เคยเข้าใจกันเลย เพราะการคิดเองเออเอง หมกมุ่นอยู่แต่ความคิดตัวเอง ไม่เปิดรับความคิดผู้อื่น

หลายความสัมพันธ์...
ไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ เพราะคิดเองเออเอง จนเกิดความคาดหวังให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของเรา

หลายความสัมพันธ์...
ไม่เคยรู้จักตัวตนของกันและกัน เพราะคิดเองเออเอง ว่าเขาจะต้องเป็็นแบบนั้น แบบนี้ แบบที่เราคิดไปเอง

หลายความสัมพันธ์...
เกิดความเข้าใจผิด และเลืือกจบความสัมพันธ์ กว่าจะรู้ตัวว่าพลาด ก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะวันที่ตัดสินใจนั้น ดันคิดเองเออเอง

หลายความสัมพันธ์...
ต้องพังทลายลง เพราะการ "คิดเองเออเอง"

การคิดเองเออเอง... 
มันคือการทำให้เรื่องที่เรียบง่าย ให้กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

มันดีกว่าไหม? 
ถ้าเรา "ไม่ต้องคิด" เองเออเอง
อยู่กับปัจจุบัน ใช้ตามองให้เห็น ใช้ใจตรองสิ่งที่พบเจอ
โดยปราศจาก ความคิด (เองเออเอง)

ไม่เข้าใจอะไร ก็เปิดใจคุยกัน หาทางปรับจูนเข้าหากัน
คับข้องใจอะไร ก็เปิดใจพูดคุยกัน หาทางปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน
สงสัยอะไร ก็เปิดใจถามคำถาม และฟังคำตอบด้วยการเปิดใจ


เมื่อเปิดใจคุยกัน ก็จะเกิดการปรับสมดุล
ปรับความเข้าใจเข้าหากัน และก็จะพัฒนากันไปอีกขั้น

แต่ถ้าเมื่อใดปิดใจ ไม่คุยกัน และทึกทักไปเอง
ก็จะเกิดปัญหาตามมามากมาย ชนิดที่ไม่สามารถคาดคิดผลลัพธ์ได้อย่างแน่นอน

อ่านมาถึงบรรทัดนี้... คุณคิดว่ามันจริงมั้ย!!!! ถามใจคุณดู

Get real!  Quit imagining things.  


Cr : PDIndyChill


วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

I'm keeping up my appearance.



คนเราทุกคนย่อมอยากมีภาพพจน์ที่ดีเพื่อให้คนอื่นยอมรับ


ตรงนี้...มันก็มีจุดสำคัญที่น่าคิดอยู่ที่ว่า...



❤️หากคุณ "เป็น" ในสิ่งนั้นจริงๆ
แม้นกาลเวลาก็ไม่สามารถทำให้แปรเปลี่ยนได้
"เป็น" และ "ถูกยอมรับ" ได้อย่างมั่นคงถาวร

แต่หากคุณแค่ "ทำ"/"แสดงออก"
เพียงเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าคุณเป็นแบบนั้น
คุณจะเหนื่อย และ เสียเวลาเปล่า...🥀🥀🥀
ยังไงสักวัน...
ความเป็นคุณที่แท้จริงมันก็ฉายปรากฎขึ้นมาอยู่ดี
และคนที่เคยเชื่อถือภาพพจน์/เครดิตที่ตัวคุณแค่...
ก็จะไม่เชื่อถือคุณอีกต่อไป...นั่นคือการทำลายตัวเอง

💐หากวันนี้ตัวคุณยังไม่ได้เป็นดั่งภาพที่ตั้งใจ 
ก็แค่ยอมรับว่าคุณอยู่จุดไหน และ "#ฝึกฝน" 
เพื่อไปสู่จุดที่คุณตั้งใจไว้ ให้ดีกว่าเดิมในทุกวัน

แม้จะเหนื่อยเหมือนกันทั้งคู่ 
แต่มันก็คุ้มกับการ "เป็นคุณ" ที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่หรอ ^^


วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

JUDGE THE COVER



สังคมสมัยนี้ อันตรายรอบด้านมากๆ เรียกได้ว่า "น่ากลัวเลยแหละ"
จะไปไหนมาไหน ต้องคอยระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ
จะมัวเพลิดเพลินเหมือนเดินเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ก็ไม่ได้ (555)
แต่อย่างนั้นก็เถอะ เราก็เป็นคนสวยคนนึง ((แหวะ)) ที่ยังคงโลกสวย ด้วยเชื่อมั่นว่า...

"...ยังมีมุมที่สวยงามรออยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับตัวเราว่า...จะเลืือกมอบอะไรให้กับโลกใบนี้"

เย็นวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561  ที่ผ่านมา  (ทางการไปป่ะ +^^)

พรุ่งนี้ก็วันหยุดล้าววววววว เย้...... ^^
หยุดยาวด้วยนะ รอบนี้ ตั้งเป็นอาทิตย์แน่ะ วะฮะฮ่าาาาา

คืนนี้หลายคนเขาคงกำลังเดินทางไปเที่ยว หรือ กลับบ้าน ตจว. กันแน่ๆเลย

ส่วนเราน่ะเหรอ...จะไปไหนได้ล่ะ หยุดยาวแบบนี้ แถมฤกษ์งามยามดีด้วย
ก็ต้อง "ไปวัด" กักตุนเสบียงบุญ ไว้ใช้หลังสงกรานต์สิ ถึงจะถูก (อิ๊ๆๆๆๆ)
.
.
นี่ก็กำลังเดินทางอยู่นะ  แต่ดันเกิดหิ๊ววววว หิววววว ขึ้นมา ขอแวะข้างทางซะหน่อยละกัน
.
เจอแระ MC Donald ละกัน เพื่อนวัยเดียวกันอยู่ในนี้เพียบเลย (คริๆๆๆ)
.
ระหว่างที่นั่งกินโน่นนี่นั่นในร้านแมคเอย ชาร์จแบตมือถือเอย ใช้ Wifi ฟรีเอย อย่างกำลังเพลิดเพลินเอย

ก็มีคุณลุงวัยกลางคนท่านนึงมานั่งที่นั่งตรงข้ามเรา
การมาของลุงคนนี้ ส่งผลให้วัยรุ่นหลายคนย้ายที่นั่งลุกหนีกันหมด
หลายคนหันมองลุงอย่างดูถูกเหยียดหยาม และพูดคุยซุบซิบกับเพื่อนๆ
แน่นอน...ด้วยท่าทาง, การแต่งกาย และอะไรๆภายนอกของลุงนั้นเอง ที่ทำให้ทุกคนมีปฏิกิริยาลบ
รวมถึงตัวเราเองด้วย ที่กลัวๆ กังวลๆ คิดๆอยู่ว่า "เพื่อความปลอดภัย ย้ายที่ดีกว่ามั้ยว้าาาา"
.
.
แต่...ด้วยสติที่ฝึกมาระดับนึง บวกกับ หลักการตัดสินใจต่างๆ (หลักธรรม) ที่ได้รับจากครูบาอาจารย์
เราจึงเลือกที่จะ.... "นั่งอยู่ที่เดิม และ สังเกตดูท่าทีของลุงเขาให้แน่ใจ ก่อนที่จะทำแบบที่คนอื่นเขาทำ"
เพราะนึกถึงใจเขาใจเราว่า "ถ้าลุงเขาไม่ใช่มิจฉาชีพ แค่เข้ามาหาอะไรทานในราคาประหยัดเท่านั้น"
แต่กลับต้องมาเจอสายตาแบบนี้ คำพูด ท่าทางรังเกียจของเดกวัยรุ่นในร้านแบบนี้ เขาจะรู้สึกยังไง?
.
.
เท่าที่สังเกตดว้ยความกลัวๆกล้าๆอยู่นั้นเอง ก็ได้เห็นว่า....
1.ลุงเขาเลือกเดินมานั่งจุดนี้ ทั้งที่ตรงอื่นก็ว่าง เพราะ "ปลั๊กไฟ" รึเปล่า? 
2.แล้วตอนที่เดินมานั่ง ก็ซืื้อ "ไอศครีมแมคฯมา 1 โคน" แล้วจึงค่อยมานั่ง
3.พอมาถึง เขาก็วางข้าวของอย่างเรียบร้อย ระมัดระวัง ไม่ให้เสียงดัง หรือไปโดนตัวคนข้างๆ
4.พอวางเสร็จ ลุงก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือ ปุ่มกด ขึ้นมาชาร์จ ซึ่งระหว่างชาร์จ 
5.เขาก็กดมือถือไปด้วย ดูนั่นนี่ไป (ซึ่งมันไม่น่ามีอะไรให้ดูเยอะเหมือนสมาร์ทโฟนนะ)
6.ระหว่างกดมือถือไป ลุงก็มีท่าทางล่อกแล่กๆ มองไปรอบๆ อย่างกับระแวง
   (เหมือนกลัวๆ กังวลๆ กับสายตาดูถูก,รังเกียจ ที่พวกวัยรุ่นดูเหมือนมีอันจะกินมองมา)

พอเห็นท่าทางต่างๆเหล่านั้น จึงสรุปได้ว่า
"ลุงคงเพียงแค่มาหาที่ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือเพียงเท่านั้นแหละ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายอะไรหรอก"

เมื่อได้ข้อสรุป ก็ทำให้คลายกังวลลงได้เยอะ
เลยนั่งชิวตามประสา กดมือถือเล่น ดูซีรีย์ ใช้ Wifi ฟรี ต่อไปอย่างสบายใจ (อุอุ)
แต่ก็ยังแอบมองลุงอยู่นะจ๊ะ (เพลงมา 555) เผื่อมีอะไร จะได้หนีทัน 555 (โลกสวยอย่างมีสติอ่านะ อุอุ)

ระหว่างที่นั่งไป เผือกไป เอ้ย! นั่งไป เล่นมือถือไป ก็ได้ยินลุงเขาคุยโทรศัพท์ จับประเด็นได้ว่า...

ลุงคนนี้เป็น รปภ. (รักษาความปลอดภัย) อยู่สถานที่แห่งหนึ่งใกล้ๆ เซ็นทรัลฯ ลาดพร้าว
เพืื่อนคนอื่นกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์กันหมดแล้ว 
ลุงเองก็เช่นกัน กำลังจะเดินทางกลับไปหาพ่อแม่ที่ ตจว.ในวันนี้ 
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กลับ ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ จึงต้องมาแวะห้าง หาที่ชาร์จแบต
เพื่อโทรบอกพ่อแม่ถึงสาเหตุที่ต้องผิดคำพูด ทั้งที่อยากกลับไปหาใจจะขาดว่า...
ถ้า รปภ. กลับหมด สถานที่นั้นๆก็จะไม่มีใครดูแลรักษาความปลอดภัย 
ลุงเป็นคนสุดท้ายที่อยู่เวรล่าสุด เลยเลือกที่จะอยู่เพราะ "หน้าที่และความรับผิดชอบ" 
และถือโอกาสนี้เป็นจังหวะอันดีที่จะได้เงินเพิ่มขึ้นจากปกติ เพื่อนำเงินก้อนนี้ส่งให้พ่อแม่ที่บ้านได้ใช้

พอเราเผือก เอ้ย! ได้ฟังลุงคุยโทรศัพท์กับที่บ้าน จนรู้เรื่องราวความเป็นไปทั้งหมด
มันเลยทำให้เราได้เห็นอะไรหลายอย่างในตัวลุงคนนี้ ที่เข้าร้านแมคฯ มาด้วยความจำเป็น มากกว่ามานั่งชิว ไร้สาระ ปล่อยเวลาทิ้งไปวันๆแบบเราและวัยรุ่นในร้านหลายๆคน

"ชาร์จแบตมือถือเพื่อโทรหาพ่อแม่"

ส่วนเราและวัยรุ่นที่เหลือหรอ... "ชาร์จแบตมือถือ เพื่อดูซีรีย์ เล่นเกมส์ ใช้ Wifi ฟรี" เท่านั้น

คนที่น่ารังเกียจ และน่าดูถูกเหยียดหยาม ไม่ใช่ลุงแล้วแหละ!!!! เหอะๆๆ


มีสิ่งดีๆหลายอย่าง ที่เราได้จากคุณลุงคนนี้ แล้วได้น้ำมาย้อนสอนตัวเอง
และก็ปรารถนาอยากให้พวกวัยรุ่นหน้าตาสวยหล่อ แต่งตัวดูมีอันจะกิน แต่กลับมีดวงตาที่ตกต่ำ
ได้เห็น ได้คิด เหมือนเราบ้าง...

1.ในขณะที่ลุงซึ่งดูไม่ค่อยมีตังค์  ต้องการมาใช้ปลั๊กไฟในร้าน MC Donald ชาร์จแบตมือถือโทรหาพ่อแม่ ก็ยังลงทุนซื้อ "ไอศครีมโคนนึง" เพื่อเป็นใบเบิกทางให้ตัวเองสามารถเข้ามานั่งร้านนี้ และใช้ไฟชาร์จแบตมือถือได้อย่าง "ถูกต้อง"

แต่เด็กวัยรุ่นสวยหล่อ แต่งตัวดูมีอันจะกิน หลายคนกลับ "เนียน" เข้ามานั่งชาร์จแบต เล่นเกมส์ ดูซีรีย์ หลาย ชม. ฟรีๆ โดยที่ไม่ควักเงินลงทุนสักบาทในการซื้อสินค้าเขาเลย

สิ่งที่ลุงทำมันบ่งบอกถึงความ "มีมารยาท" แม้จะไม่มีตังค์ก็ตาม แต่ก็ยังลงทุน
นั่งมองแล้วก็คิดนะว่า จริงๆแล้ว คนที่น่ารังเกียจ ควรจะเป็นลุง? หรือพวกรวยจากการแบมือขอพ่อแม่?

2.ในขณะที่ลุงวางกระเป๋าลงอย่างระมัดระวัง สายกระเป๋าก็บรรจงเก็บทับไว้ใต้กระเป๋าอย่างดี ไม่ให้แกว่งไปโดนใคร 

แต่พวกวัยรุ่นหน้าตาสวยหล่อ แต่งตัวเหมือนมีอันจะกิน กลับวางกระเป๋าโครมคราม เสียงดัง แทบจะฟาดหน้าคนที่นั่งข้างๆ อยู่แล้ว ดูไม่ออกเลยว่า เป็นผู้ได้รับการอบรมมาแล้วนะ!!

สิ่งที่ลุงทำมันบ่งบอกถึงความ "มีมารยาท" แม้ลุงจะดูไม่มีตังค์ก็ตาม
นั่งมองแล้วก็คิดนะว่า จริงๆแล้ว คนที่น่ารังเกียจ ควรจะเป็นลุง? หรือพวกทำตัวสูงส่งแค่เปลือกนอก?

3.ในขณะที่พวกวัยรุ่นหน้าตาสวยหล่อ แต่งตัวดูเหมือนมีอันจะกิน เข้ามาร้านแมคฯ เพื่อชาร์จแบตเล่นเกมส์ ดูซีรีย์ ทำทุกอย่างที่ไม่มีสาระ นั่งมองลุงด้วยสายตาดูถูก เหยียดหยาม แล้วก็ซุบซิบนินทาด้วยคำพูดแย่ๆ

แต่...ลุงเขาเลือกที่จะอยู่กับตัวเอง ตรวจตราตัวเองถึงสิ่งที่ควรทำ ต้องทำ ไม่ไปมองสนใจคนอื่น เลือกนั่งกดมือถือปุ่มกด ที่ไม่น่ามีอะไรให้เล่นได้เลย เพื่อให้ใจจดจ่อที่เป้าหมายที่เขาตั้งใจเข้ามาร้านนี้ ไม่วอกแวกไปกับสิ่งไร้สาระจากคนที่ไม่มีสาระ เพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดความรู้สึก/อารมณ์ไร้สาระ จนไปทำเรื่องไร้สาระ แทนเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

สิ่งที่ลุงทำมันบ่งบอกถึงความ "มีวุฒิภาวะและคิดเป็น" แม้ลุงจะดูไม่มีตังค์ก็ตาม
นั่งมองแล้วก็คิดนะว่า ถ้าพวกทำตัวสูงส่งแค่เปลือกนอก "ถูกมองและซุบซิบแบบนั้น" 
เขาจะเลือกอยู่และทำในสิ่งมีสาระแบบลุง หรือเลือกทำในสิ่งที่ไม่มีสาระ เช่น การใช้กำลัง?

4.ในขณะที่ลุงเสียสละสิ่งที่อยากทำ และเลือก "หน้าที่และความรับผิดชอบ" ในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ และพลิกวิกฤติให้เห็นโอกาส ที่จะได้ "หาเงินเพิ่มขึ้นจากปกติ" เพื่อ "ส่งเงินให้พ่อแม่ได้ใช้เงินของเขาที่เขาหามา" ยอมลำบากอีกหน่อย อดทนอีกนิด เพื่อได้แสดงความกตัญญูรู้คุณต่อพ่อแม่ที่เขารัก

แต่พวกวัยรุ่นสวยหล่อ แต่งตัวดูเหมือนมีอันจะกิน กลับเลือกสิ่งที่อยากทำ ด้วยการไปสนุกสนานเพลิดเพลิน "แบมือขอเงินพ่อแม่เพื่อออกไปเที่ยวเตร่ จับจ่ายฟุ่มเฟือย ด้วยเงินที่ไม่ได้หาเอง" แทนที่จะใช้เวลาหยุดยาวนี้ อยู่กับพ่อแม่ ดูแลทดแทนคุณ แสดงความกตัญญูต่อท่าน ที่ท่านเหนื่อยยากหาเงินให้เราได้มีกินมีใช้

สิ่งที่ลุงทำมันบ่งบอกถึงการ "มีความกตัญญูกตเวทิตาต่อพ่อแม่" แม้ลุงจะดูไม่มีตังค์ก็ตาม
นั่งมองแล้วก็คิดนะว่า จริงๆแล้ว คนที่น่ารังเกียจ ควรจะเป็นลุง? หรือพวกที่ดูถูกคนอื่นแต่ไม่ดูถูกตัวเอง?


นั่งคิดๆ วิเคราะห์ไปวิเคราะห์มา เงยหน้าขึ้นมาอีกที ลุงก็หายตัวไปซะแล้วววว
ว้าาาาา.... ยังไม่ได้แบ่งไก่ชิ้นโตๆ ในจานให้ทานเลยยยยยย
ลุงเขาต้องหิวแน่ๆ แต่ที่เห็นกินแค่ไอศครีมโคนเดียว คงเพราะอยากเก็บตังค์ที่หามาได้ไว้ให้พ่อแม่แน่ๆ
เง้อออออออ..........

บางทีการคิดวิเคราะห์เยอะๆ มันก็ดี 


แต่ความคิดดีๆ แล้วเอาแต่คิด แต่ไม่ลงมือทำนี่สิ 
มันทำให้ "เสีย" 

เสียโอกาสที่จะได้ทำความดี และ เสียดายเพราะไม่ได้ทำ (>.<)


อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าเราเป็นคนโลกสวยคนนึงที่เชื่อมั่นว่า...
"โลกนี้ยังมีมุมที่สวยงามอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับตัวเราว่า...จะเลืือกมอบอะไรให้กับโลกใบนี้"

เราเชื่อมั่นว่า ถ้าคนในสังคมรู้จักการ "แบ่งปัน" หรือที่เรียกว่า "การให้"
โลกนี้จะสวยงามขึ้นมากกว่าที่เป็นแบบในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน

แต่วันนี้โลกฉันไม่สวยเลย เพราะฉัน "ไม่ได้ให้ไก่ลุงกิน" >.<

งั้นก็ขอทดแทนด้วยการเขียนบทความนี้ เพื่อ "ให้ และ แบ่งปัน" ข้อคิดดีๆ จากเหตุการณ์ที่พบ
ให้ได้อ่านกันแทนแล้วกันนะคะ ^_^ #แค่นี้โลกก็สวยขึ้นแล้วชะม้าาาาา (>^.^<)